การบำบัดด้วยคลื่นกระแทก คือ เป็นการบำบัดโดยแรงดันอากาศมาผลักดันหัวกระสุนที่บรรจุอยู่ภายในหัวยิงคลื่น ตัวคลื่นที่ออกมามีลักษะเป็นคลื่นที่ให้แรงดันสูงทันทีแล้วลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและเกิดความยืดหยุ่นตามมา นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการไหลเวียนเลือดมายังบริเวณที่ทำการรักษาอย่างรวดเร็ว โดยการบำบัดด้วยคลื่นกระแทกจะให้ประสิทธิภาพสูงในการรักษาอาการปวดระยะเรื้อรัง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นกระดูก เช่น โรคเอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบเรื้อรัง ภาวะปวดไหล่เรื้อรังจากเอ็นหัวไหล่อักเสบ หรือภาวะปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ออฟฟิศซินโดรม
นักกายภาพบำบัดจะจัดท่าและตำแหน่งที่เหมาะสมกับการรักษา จากนั้นจะมีการคลำหาจุดที่กล้ามเนื้อมีความตึงตัวและกดเจ็บ ก่อนเริ่มการรักษาจะมีการตั้งค่าต่างๆ ในเครื่องและเลือกขนาดหรือชนิดวัตถุของหัวกระสุนที่ใช้ในการรักษา ขณะรักษาคลื่นจะถูกยิงไปบริเวณที่กล้ามเนื้อมีความตึงตัว ผู้ป่วยจะได้ยินเสียงคล้ายๆเสียงแรงดันลมกระแทกที่กระสุนและจะรู้สึกเจ็บตึงเล็กน้อยในบริเวณที่ยิงคลื่นกระแทก ซึ่งต้องเป็นความรู้สึกเจ็บแบบทนได้ ไม่เจ็บมากเกินไป ไม่มีอาการแสบผิวและอาการชา แต่ละบริเวณจะใช้จำนวนนัดยิงประมาณ 500 – 1,000 นัด แต่ในกรณีที่อาการปวดกล้ามเนื้อมีบริเวณกว้าง จำนวนนัดที่ยิงอาจจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 4,000 นัด ส่วนจำนวนครั้งที่ควรทำการรักษาจะอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพื่อให้บริเวณที่ทำการรักษามีการซ่อมแซมตัวเอง
เทคโนโลยี PMS หรือ Peripheral Magnetic Stimulation คือ เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Electromagnetic เพื่อบำบัดรักษาอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ โรคเอ็นอักเสบ โรคปวดข้อต่อ และอาการชาจากเส้นประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคลื่นไฟฟ้าจะสามารถกระตุ้นทะลุผ่านเสื้อผ้าโดยไม่ต้องสัมผัสผิว ลงไปถึงเนื้อเยื่อและกระดูกได้ลึกประมาณ 10 ซม. คลื่นจาก PMS จะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไปกระตุ้นที่เส้นประสาทโดยตรง ทำให้เกิดกระบวนการ Depolarization กระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณที่ปวดทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตบริเวณกล้ามเนื้อดียิ่งขึ้น ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ รู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา รวมถึงส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กกระตุ้นแขน ขา บริเวณที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ให้ส่งสัญญาณไปที่สมอง และให้สมองส่วนที่ยังทำงานได้มีการฟื้นตัว แล้วส่งสัญญาณกลับลงมาทำให้แขนขาขยับได้มากขึ้น ในส่วนของการบำบัดรักษาอาการเจ็บปวด การกระตุ้นเส้นประสาทจะทำให้เกิดการส่งสัญญาณที่ช่วยยับยั้งอาการปวดได้ สามารถรักษาได้ทั้งปวดเฉียบพลันและเรื้อรัง และยังเป็นการกระตุ้นให้มีการซ่อมเสริมของเนื้อเยื่อด้วย
อัลตราซาวด์บำบัด เป็นการบำบัดด้วยคลื่นเหนือเสียง อัลตราซาวด์บำบัด ซึ่งให้ผลความร้อนลึก
เทคโนโลยีอัลตราซาวด์บำบัด เพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม
นำมาใช้ในการทำกายภาพบำบัด เพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม หรือสามารถนำมาใช้รักษาอาการปวดต่างๆ ได้ดี หากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย อาจใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ความร้อนตื้นเพื่อบรรเทาอาการปวด อาทิ การใช้แผ่นร้อนหรือผ้าร้อน แต่สำหรับเคสที่มีอาการปวดรุนแรง อาจใช้ความร้อนลึก คือการใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ ที่เป็นการใช้คลื่นความร้อนเข้าไปรักษษในระดับชั้นกล้ามเนื้อ และกระดูก โดยปกติจะใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังกระแสไฟฟ้าความถี่สูงอยู่ที่ 1-3 MHz
การรักษาด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ หรือ Ultrasound Therapy สำหรับอาการออฟฟิศซินโดรม จะช่วยลดอาการปวด การอักเสบของเนื้อเยื่อ ลดอาการบวม และยังสามารถเร่งซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายจากอาการเกร็ง รวมไปถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อในชั้นลึกอีกด้วย
แต่การใช้อัลตร้าซาวด์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะสำหรับบางคนหรือบางจุดของร่างกาย การรักษาด้วยการใช้อัลตร้าซาวด์ไม่ใช้ทางเลือกที่ดีนัก เช่น คนที่กำลังตั้งครรภ์ คนที่มีเลือดออกตามร่างกาย หรือคนที่มีอาการอักเสบอย่างรุนแรง เพราะฉนั้นการรักษาแต่ละครั้งควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีที่สุด
การรักษาด้วยไฟฟ้า คือ อะไร ?
เป็นรูปแบบการรักษาที่นำเอาพลังงานไฟฟ้า จากเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยวัตถุประสงค์ของการรักษาด้วยกระแสไฟฟ้าทางกายภาพบำบัดมีอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง คือ
1.การใช้ไฟฟ้าเพื่อการกระตุ้นกล้ามเนื้อ เป็นการรักษาที่ทำให้กล้ามเนื้อมีการหดและคลายตัว นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ชะลอการฝ่อลีบ คงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจากภาวะต่างๆ เช่น กรณีใส่เฝือกอยู่และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือการอ่อนแรงจากความผิดปกติของเส้นประสาทหรือภาวะอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดทางสมอง
2.การใช้ไฟฟ้าเพื่อลดการเจ็บปวด
ในการรักษานี้ ผู้เข้ารับการรักษาจะอยู่ในท่านอนอยู่บนเตียงหรือจะนั่งก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะทำการรักษา หลังจากนั้นนักกายภาพบำบัดจะตั้งค่าการรักษาต่างๆ เลือกรูปแบบกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมกับอาการ จากนั้นจะมีการแปะขั้วกระตุ้นลงบนบริเวณที่จะทำการรักษา และเริ่มทำการรักษา โดยระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาทีต่อหนึ่งบริเวณ
เป็นอุปกรณ์ดึงคอและหลังแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยน้ำหนักจากแรงตึงเชือก
การรักษาด้วยการดึงหลังและการดึงคอ เป็นการใช้แรงดึงผ่านเครื่องดึงเพื่อยืดกล้ามเนื้อหรือโครงสร้างรอบๆ บริเวณกระดูกคอ หรือ กระดูกสันหลัง
ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อเชื่อมต่อบริเวณกระดูกสันหลัง
นักกายภาพบำบัดจะจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย ให้อยู่ในท่าและตำแหน่ง ที่เหมาะสม บนเตียงดึงหลัง และดึงคอ จากนั้นสวมใส่อุปกรณ์ การดึงเข้ากับตัวผู้ป่วย พร้อมกับตั้งค่า การดึงต่างๆ เช่น น้ำหนัก เวลาที่ใช้ในการดึง ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ในการรักษา ถ้าต้องการลดอาการเกร็ง ของกล้ามเนื้อจะใช้น้ำหนักร้อยละ 25 ของนำ้หนักตัว ถ้าต้องการแยกข้อต่อ ต้องใช้น้ำหนักร้อยละเพิ่มขึ้นเป็น 50 ของนำ้หนักตัว เวลาในการรักษาโดยประมาณอยู่ที่ 15 – 20 นาที
การประคบร้อน คือ อะไร ?
เป็นรูปแบบการรักษาผ่านการนำผลของความร้อนของแผ่นประคบร้อน (Hot pack) ส่งผ่านความร้อนเข้าสู่บริเวณที่ต้องการ โดยการลงลึกสู่ชั้นใต้ชั้นผิวหนังลงไป ประมาณ 1/4 นิ้ว – 1/2 นิ้ว
ก่อนนำแผ่นร้อนไปใช้ แผ่นร้อนจะถูกเก็บไว้ที่หม้อต้มที่อุณหภูมิประมาณ 76.7 องศาเซลเซียส เมื่อจะนำไปใช้ประคบ จะถูกห่อด้วยผ้าขนหนูหนาประมาณ 3 – 5 ชั้น เพื่อป้องกันการสะสมของความร้อนที่มากเกินไปที่ผิวหนัง และให้ผู้มารับบริการรู้สึกอุ่นสบาย โดยระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 20 นาที
คือ การใช้ความเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมที่เกิดจากอาการบาดเจ็บแบบเฉียบพลัน เพราะความเย็น จะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว และเลือดออกน้อยลง หากมีอาการปวดหรือได้รับบาดเจ็บ ควรประคบเย็นทันที ภายใน 24-48 ชั่วโมง ให้ประคบวันละ 2-3 ครั้ง นาน 20-30 นาที อาการที่ควรประคบเย็น เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง ปวดฟัน ปวดบวมข้อเท้า ข้อเคล็ด เลือดกำเดาไหล หรือ ปวดบวมบริเวณอื่นๆ ที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บหรือเพิ่งมีอาการใหม่ๆ เป็นต้น
การประคบเย็นมีวิธีที่แตกต่างกันไปตามประเภท ดังนี้
การประคบเย็นแบบแห้ง ให้นำถุงน้ำแข็ง แพ็คน้ำแข็ง หรือขวดที่บรรจุน้ำเย็นมาห่อด้วยผ้าสะอาดก่อน แล้วจึงนำมาประคบบริเวณที่บาดเจ็บเป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที หรือนานตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งผู้ป่วยอาจต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมถึงความถี่หรือจำนวนครั้งในการประคบเย็นอย่างเหมาะสม
การประคบเย็นแบบเปียก ล้างมือให้สะอาดแล้วนำมาสก์หรือผ้าที่จะใช้ประคบไปชุบน้ำเย็น ก่อนบิดน้ำออกให้หมาด จากนั้นจึงนำมาประคบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บโดยตรงครั้งละ 10-15 นาที และนำผ้าสะอาดมาซับน้ำในบริเวณดังกล่าวออกก่อนล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง ทำซ้ำให้ครบจำนวนครั้งตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ